วิธีดูกระเป๋า Chanel ของแท้เบื้องต้น

เนื่องด้วยปัจจุบันมีกระเป๋า Chanel ของปลอมขายปะปนอยู่ทั่วตลาด และยิ่งด้วยเทคโนโลยีและวิทยาการ ยิ่งนานเข้ายิ่งพัฒนาไปการก็อปไปถึงระดับเกรด Mirror ซึ่งน่ากลัวมากสำหรับตลาดกระเป๋าวินเทจ วันนี้จึงเสาะหาวิธีสังเกตกระเป๋าของแท้แบบง่ายๆ มาฝากกัน

1. ตรวจสอบหนัง Chanel

หนังส่วนใหญ่ของกระเป๋า Chanel คือหนังแกะ หรือ Lambskin ซึ่งเป็นหนังที่มีความนุ่มมาก วิธีเช็กคือ เมื่อจับหนังแกะจะต้องรู้สึกนุ่มมาก ๆ และพื้นผิวต้องดูลื่นสมูทเเรียบเนียนอีกด้วยค่ะ ซึ่งการเลือกสรรใช้หนังแกะที่ดีที่สุดของ Chanel จะทำให้สาว ๆ สังเกตได้เลยว่าของแท้มีคุณภาพที่เหนือกว่า ซึ่งจะแยกคุณจากของปลอมได้ง่ายมาก ถ้าจะตรวจสอบดูว่าเป็นกระเป๋าหนังแกะจริง ๆ หรือไม่ ก็จะพิสูจน์กันที่ความนุ่ม หนังแกะของ Chanel จะมีสัมผัสที่นุ่มมาก

หนังชาแนลที่นิยมใช้อีกชนิดคือหนังคาเวียร์ (Caviar) ซึ่งทำจากหนังลูกวัว หนังชนิดนี้มีรูปลักษณ์พิเศษคือบนหนังจะเห็นเป็นเม็ด ๆ เหมือนเป็นฟองบับเบิ้ลปรากฏอยู่บนผิวกระเป๋า จับแล้วรู้สึกถึงลักษณะดังกล่าวชัดเจน มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนน้อยกว่าหนังแกะ เวลาลูบจะรู้สึกว่ามีอะไรนูนขึ้นมาจากหนัง

2. ตรวจสอบจากรอย Quilting

แพทเทิร์นควิลท์ติ้งของ Chanel เป็นอีกจุดที่เราสามารถเช็กกระเป๋า Chanel แท้ หรือ ปลอมได้ ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการตรวจควิลท์คือบริเวณด้านหลังของกระเป๋าที่ซึ่งมีช่องใส่ของเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ฝีเย็บและการเย็บของ Quilting ควรมีความสม่ำเสมอและเป็นรูปเพชร เย็บต่อกันดูเพอร์เฟ็ก อย่างไรก็ตาม หากคุณซื้อกระเป๋า Chanel มือ 2 มา ก็เตรียมใจไว้ด้วยว่ากระเป๋าอาจมีร่องรอยการสึกหรอ หรือ การยืดของหนังอาจทำให้เส้นด้ายขาดเล็กน้อย ดังนั้นวิธีเช็กในข้อนี้เหมาะกับการซื้อกระเป๋า Chanel ที่เพิ่งออกมาจากช็อปใหม่ ๆ ไม่เหมาะกับมือ 2

3. นับจำนวนรอยเย็บ / ซับใน

เนื่องด้วย Chanel มีการพยายามทำมาตรฐานสินค้าให้สมบูรณ์แบบและคงคุณค่าที่สุด พยายามให้รูปทรงมีรูปทรงดั้งเดิมเหมือนกันทุกใบ ดังนั้น ในการเย็บรูป Quilting เป็นรูปเพชรนี้ จะต้องมีรอยฝีเข็มจำนวน 11 รอยต่อหนึ่งแถว (ต่อขอบด้านเพชรหนึ่งด้าน) ตรงกันข้ามกับกระเป๋าก็อป ซึ่งมักจะมีรอยเย็บน้อยกว่ากระเป๋า Chanel ของแท้

อีกวิธีเช็กกระเป๋า Chanel ของแท้และของปลอม คือ เช็กได้จากซับใน ซับในกระเป๋า Chanel ของแท้จะวางราบกับวัสดุโดยไม่มีก้อนนูน ผ้านูน ขึ้นมาให้เห็น ซึ่งของปลอมมักจะหวงวัสดุ ประหยัดต้นทุน และ ใช้หนังที่มีคุณภาพต่ำ ทำให้ยับง่ายและดูหลวม ๆ ไม่สมกับความหรูหราของ Chanel

4. ตรวจ Chanel CC Lock

อีกหนึ่งไอค่อนบนกระเป๋า Chanel ที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ ตัวล็อคกระเป๋า CC Lock สำหรับกระเป๋ารุ่น 2.55 ตัวล็อกจะเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้า ไม่มีโลโก้และรอยประทับตรา Chanel ดังนั้นไม่ต้องตกใจ หากพบว่ากระเป๋าของคุณมีตัวล็อคเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพราะว่านั่นคือกระเป๋ารุ่น 2.55  แต่ถ้าเป็นตัวล็อคที่มีอะไหล่รูป CC อยู่ก็จะเป็นรุ่นอื่น .. สำหรับตัวล็อค CC มีทั้งแบบนูนขึ้นและแบบแบน โดยตัว C ด้านขวาจะอยู่ซ้อนทับตัว C ฝั่งซ้ายที่ด้านบน และ C ด้านซ้ายทับ C ด้านขวาที่ด้านลาง ต่างกับตัวล็อคกระเป๋า Chanel ของปลอมมักจะมีข้อผิดพลาดนิด ๆ หน่อย ๆ บริเวณรูปร่างของตัว C, ลำดับการจัดวางโลหะเหนือตัวล็อค และแม้แต่ลำดับการประสานกันของตัวล็อก CC ที่ผิดแบบจากของจริง

ก้านล็อค ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สังเกตได้ ก้านล็อคแท้จะทำจากทอง 24K และถึงแม้ว่าจะใช้งานเป็นระยะเวลานานหลายปีก็จะยังคงสภาพเดิม ต่างจากของปลอม ซึ่งมักจะชุบด้วยทอง ซึ่งสามารถลอกออกได้ง่ายมากหลังใช้งานไปสักระยะ นอกจากนี้ คุณยังสามารถสังเกตที่หมุดกระดุม เพื่อตรวจสอบคุณภาพและความรู้สึกได้อีกด้วย หมุดของแท้จะคงรูปลักษณ์ไว้หลังการใช้งาน ในขณะที่กระเป๋า Chanel ปลอกจะลอกและจางลงอย่างรวดเร็ว

5. ตรวจสอบด้านหลังของตัวล็อค Chanel

เปิดดูด้านในกระเป๋าที่ด้านหลังตัวล็อคจะมีการสแตมป์เอาไว้ ซึ่งการสแตมป์อาจแตกต่างว่ากันไปตามปีที่ผลิตหรือสไตล์ของกระเป๋า บางปีบางสไตล์ก็มีการสแตมป์ บางปีหรือสินค้าบางรุ่นอาจไม่ได้การสแตมป์เช่นกัน หากคุณพบว่ากระเป๋าของคุณไม่มีรอยสแตมป์ CHANEL PARIS ไว้หลังตัวล็อคก็อย่าเพิ่งนอยด์ไป เมื่อไรที่กระเป๋ามีการสแตมป์เอาไว้ แปลว่ากระเป๋าถูกผลิตขึ้นในประเทศฝรั่งเศส Made in France แต่ถ้าหากไม่มีรอยสแตมป์ดังกล่าว แปลว่า Made in Italy

ของแถมจริง ๆ คือ รอยปั๊มที่แผ่นหลังนี้ ถ้าเปิดฝากระเป๋าแล้วมองไปที่ด้านหลังของตัวล็อค จะพบว่า Chanel ยึดสิ่งนี้โดยใช้สกรูแบบแบนพร้อมกับแบบฟ้อนท์อักษรที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ เว้นระยะห่างเหมือนกันชัดเจน แต่กระเป๋า Chanel ของปลอมอาจใช้สกรูแบบอื่นและฟ้อนท์แบบอื่นที่ด้านหลัง

6. ตรวจสอบตราสินค้าหรือโลโก้

การสร้างแบรนด์และโลโก้ Chanel การประทับสแตมป์แบรนด์ เป็นอีกวิธีที่จะเช็กกระเป๋า Chanel ของแท้ โดยเช็กได้จากฟ้อนท์และคุณภาพของสแตมป์ คุณจะพบว่า กระเป๋า Chanel ปลอมจะใช้ฟ้อนท์ที่ดูบางกว่าและบางครั้งก็ดูเหมือนเอาอะไรไปแปะวางไว้บนหนังมากกว่าสลักรอยลงบนกระเป๋า ทำให้ดูไม่สมกับเป็นกระเป๋า Chanel ของแท้ ตำแหน่งที่สลักตราโลโก้ Chanel ก็ใช้ตรวจสอบของปลอมได้เช่นกัน เพราะว่า ตำแหน่งของโลโก้นูน ๆ ของ Chanel ควรต่ำกว่ารอยควิลท์ตัว C ประมาณ 1.5 เซนติเมตร, มีช่องว่างระหว่างกัน 0.9 เซนติเมตร และ ระยะความกว้างของโลโก้ Chanel ของแท้ ต้องมีขนาดรวม 3.3 เซนติเมตรเท่านั้น

7. การ์ด Chanel Authenticity Cards

มาพูดถึงการ์ด Chanel กันบ้าง ไม่ใช่การ์ดรับรองทุกใบจะเป็นของจริงเสมอไป วิธีตรวจสอบที่รวดเร็วที่สุดว่าการ์ดใบนั้นเป็นการ์ดจริงหรือไม่คือให้ดูที่จำนวนตัวเลข หรือ เลข Hologram

• หากผลิตระหว่างปี 1984 – 1986 จะมีทั้งหมด 6 ตัวเลข
• หากผลิตระหว่างปี 1986 – 2004 จะมีทั้งหมด 7 ตัวเลข
• หากผลิตระหว่างปี 2005 ขึ้นไป จะมีทั้งหมด 8 ตัวเลข

โดยในปัจจุบัน Chanel ยังไม่เคยออก Authenticity Card ที่มีตัวเลขตั้งแต่ 9 ตัวเลขขึ้นไป

8. ตรวจสอบสายโซ่ Chanel

รู้หรือไม่ สายโซ่สุดดัง ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของกระเป๋า Chanel ที่ใคร ๆ ต่างก็คุ้นตากัน สามารถใช้เป็นไอเท็มตรวจสอบกระเป๋าปลอมได้นะคะ สำหรับกระเป๋าชาแนลวินเทจ จะมีสายหนังร้อยสอดกันไประหว่างห่วงโซ่แต่ละห่วง ส่วนของปลอม มักทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ (อาจจะเพราะด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น หรืออย่างไรก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม กระเป๋า Chanel สมัยใหม่ จะมีสายหนังพับกลับด้านในตัวเองและเชื่อมต่อกันกับห่วงโซ่แต่ละอัน จึงเป็นดีเทลอีกอย่างที่ต้องดูเปรียบเทียบให้ละเอียด

9. สังเกตุรูปทรงกระเป๋า

กระเป๋า Chanel ปลอม มักจะมีลักษณะทรงที่ดูไม่งดงาม แต่ตัวกระเป๋าจะดูเหมือนกล่อง ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับกระเป๋า Chanel ของจริง นอกจากนี้ ที่ขอบของกระเป๋าก็อปจะดูโค้ง ๆ มน ๆ มากกว่าของจริงที่ดูเหลี่ยมมากกว่า เหตุผลที่ของปลอมมีขอบมน เป็นเพราะเวลาเย็บเสร็จแล้วพลิกหนังกลับ พลิกกลับไม่ดี และวัสดุที่ใช้ไม่มีคุณภาพดีพอ จึงทำให้ได้ผลลัพธ์เช่นนั้น

10. เช็กซิปกระเป๋า

กระเป๋า Chanel ของแท้ใช้ซิปหลากหลายรูปแบบ ทั้งซิปแบบ Lampo ซึ่งมักใช้กับฟันโลหะ, ซิป EP ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมากับที่ดึงซิปที่ทำจากหนัง, นอกจากนี้ยังมีซิปแบบวงกลม, ซิป OPTI DMC, ซิป éclair, DMC, YKK และ ซิปแบบไม่มีสัญลักษณ์ ซึ่งมักพบในกระเป๋า Chanel วินเทจ

ขอบคุณที่มา : Beverly-O.com